วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

The Kids Are All Right (2010): This is my family!



                หากใครถามหาครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกๆ “The Kids Are All Right” ไม่ได้มีครบองค์เพราะครอบครัวเลสเบี้ยนนี้มีแม่สองคน Nic (Annette Bening) กับ Jules (Julianne Moore) และลูกๆอีกสองคนที่เกิดจากการขอน้ำเชื้อจากธนาคารสเปิร์ม วันดีคืนดีเมื่อลูกคนโต Joni (Mia Wakikowska) อายุครบสิบแปดกำลังจะเข้าวิทยาลัย เจ้าตัวเล็ก Laser (Josh Hutcherson) เกิดอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของน้ำเชื้อ พร้อมทั้งเชื้อเชิญคุณพ่อทางชีวภาพ Paul (Mark Ruffalo)เข้ามาในครอบครัว Nic และ Jules พยายามรับมืออย่างสุขุมแต่มันกลับเลยเถิดจนเกือบทำให้ครอบครัวแตกแยก


               The Kids Are All Right เป็นหนังครอบครัวที่อุ่นอวลด้วยความรักที่คุณแม่เลสเบี้ยนมอบให้กับลูกทั้งสองคน ผมเชื่อว่าทุกครอบครัวต้องเคยรับมือกับเรื่องทั้งดีและร้ายมาแล้วทั้งนั้น เรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ เชื่อในวันเวลาในการบ่มเพาะความรัก และพร้อมให้อภัยในความผิดพลาดของคนในครอบครัว เมื่อเด็กๆ อยากพบกับคุณพ่อทางชีวภาพ Nic กลับไม่ห้ามเพียงแค่อยากมีส่วนร่วม จี๊ดเพียงเล็กๆ เพราะอดรู้สึกไม่ได้ว่าลูกๆ ขาดอะไรที่เธอให้ไม่ได้ เมื่อ Nic รู้สึกตัวว่าคนในครอบครัวทั้งสามคนเริ่มสนิทสนมกับ Paul มันกลับทำให้ Nic ย้อนกลับไปมองตัวเองว่าเธอมองข้ามสิ่งดีๆ ในตัวผู้ชายคนนี้ เธอออยากเข้าใจคนในบ้านให้มากขึ้น จนนำไปสู่ฉากดินเนอร์ที่บ้าน Paul ที่คนดูได้เห็นการแสดงขั้นเทพของ Annette Bening ท่วงท่า การพูดจา และบุคลิกของผู้หญิงที่ทำหน้าที่ได้ทั้งแม่และพ่อในคราวเดียวกัน สีหน้ายินดีเมื่อค้นพบว่า Paul มีรสนิยมทางดนตรีเดียวกัน เก็บกดความรู้สึกเมื่อรู้ว่า Jules นอกกาย(ใจ) เจ็บปวดเมื่อลูกๆ รู้ความจริง ผมแอบลุ้นลึกๆ ว่าเธอจะคว้าออสการ์สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมได้เสียที หลังจากที่เธอเข้าชิงถึง 3 ครั้ง และสองครั้งหลังพ่ายให้กับ Hilary Swank ครั้งนี้ต้องมาประชันกับรุ่นน้องอย่าง Natalie Portman ที่รับบทนักบัลเลย์วิตกจริตใน Black Swan


            Jules แม่บ้านที่เบื่อกับชีวิตเดิมๆ อยากกระโดดออกมาทำสิ่งใหม่ๆ อยากได้รับการยอมรับจาก Nic ว่าเธอก็มีศักยภาพสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องให้ Nic ทำงานเลี้ยงครอบครัวเพียงฝ่ายเดียว สิ่งที่เธอต้องการกลับมีอยู่ในตัว Paul เขาชื่นชมและยอมรับในความสามารถของเธอ ซึ่ง Nic ไม่เคยใส่ใจ ชีวิตการแต่งงานที่ยาวนานสามารถทำให้ Jules เบื่อหน่ายและมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีของ Nic จนเผลอไพลจากความต้องการทางกายและทางใจ บทหนังฉลาดใช้วุฒิภาวะของตัวละครในการแก้ปัญหา Jules เลือกที่จะหยุดความสัมพันธ์นั้น และต้องการให้คนในบ้านให้อภัย

               คำว่าผู้ชายลัลล้าคงเหมาะสมที่จะนิยามความเป็น Paul เจ้าของน้ำเชื้อ ผู้ชายที่ไม่ประสบความสำเร็จในตอนเป็นวัยรุ่น จนต้องไปขายน้ำเชื้อให้กับธนาคาร คนที่ห่างไกลกับคำว่าครอบครัว ใช้ชีวิตเพียงลำพังกระทั่งเปิดร้านอาหารและมีเรือกสวนขนาดไม่อายใคร แน่นอนเขามีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตตลอดเวลา แต่ไม่เคยคิดที่จะหยุดใจไว้ที่ใคร จนกระทั่งมาเจอหน่อเนื้อเชื้อไขทั้งสองคน ทั้งคู่ทำให้เขาอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อาจเพราะความง่ายๆ ที่ไม่อาจเรียกว่ามักง่ายของเขาที่คิดว่าเขาสามารถเป็นพ่อจริงๆ ของเด็กๆ ได้ โดยไม่คิดว่าครอบครัวคำนี้ไม่สามารถสร้างได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน “ครอบครัว” คือสิ่งที่ทั้ง Nic และ Jules ใช้เวลาตั้งเกือบ 20 ปีสร้างมันขึ้นมา Paul เป็นเพียงไอ้เส็งเคร็งที่บุกรุกเข้ามาทำให้บ้านนี้สั่นคลอนเท่านั้นเอง

             ท้ายที่สุดหนังได้บอกกับเราว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดได้กับทุกครอบครัว สมาชิกในบ้านต้องช่วยกันประคับประคองให้ครอบครัวเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่มีครอบครัวไหนสมบูรณ์แบบ ต่อให้บ้านหลังนั้นมีพ่อเป็นผู้ชาย หรือไม่มี เพราะนั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่บางครอบครัวต้องการ เพราะนี่คือครอบครัวของพวกเขา และมันเป็นอย่างนี่มาเกือบ 20 ปีแล้ว ฉากสุดท้ายที่มือของ Jules เอื้อมมาสัมผัสหัวเข่าของ Nic แล้วมือของ Nic เองก็เอื้อมมาจับมือของ Jules เราได้เห็นรอยยิ้มของ Laser เจ้าตัวเล็กของบ้านส่งข้อความบอกกับทุกครอบครัวว่า It’s gonna be all right ทุกคนเผลอไพลได้ ผิดพลาดได้ อย่าซ้ำเติมกันเพราะมันไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมา แน่นอน Nic ให้อภัย Jules และผมเชื่อว่าบ้านหลังนี้สามารถผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายนี่ไปได้ด้วยความรักและความเข้าใจ เพราะสิ่งที่ครอบครัวนี้ไม่เคยขาด คือ ความรัก ความเข้าใจ และอ้อมกอดที่เต็มเติมความอบอุ่นจากผู้หญิงสองคนที่ให้แก่ลูกๆ แน่นอนมันทดแทนสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับครอบครัวของพวกเขา

-อั๋นน้อย-